อย่าเพิ่งด่วนสรุปตีความในแง่ดีหรือแง่ร้ายนะครับ มองให้เป็นกลางๆก่อน ทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในชีวิตมันไม่จำเป็นต้องเป็นแง่ลบเสมอไปนะ

เราไม่จำเป็นต้องมองโลกแง่บวกในสถานการณ์ที่ติดลบหรอก แต่มองโลกแง่กลางๆจะดีกว่า

การอ่านไพ่ยิปซีเราพยายามมองดีในร้าย ร้ายในดีให้ได้นะ เพราะชีวิตจริงมันก็เป็นแบบนี้เสมอ

ไพ่ใบนี้คือไพ่ฟ้าผ่า แล้วตึกถล่ม…ฟ้าผ่าแล้วตึกถล่ม…เอาแค่นี้ก่อน ความหมายแค่นี้มันบอกถึงการเปลี่ยนแปลงใช่มั้ย มีอะไรบางอย่างที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก หรือเปลี่ยนแปลงแบบพลิกฝ่ามือไปเลยก็ได้ เช่นหลุดออกจากสถานการณ์ที่เป็นปัญหาก็ได้ใช่มั้ย

ตัวตึกก็เหมือนอะไรก็ตามที่ถูกสร้างแล้วทับถมกันมากขึ้น สูงขึ้น เช่นความเครียด ความกดดัน แล้ววันหนึ่งความกดดันเหล่านั้นถูกทำลายลงไป อย่างนี้ดีหรือไม่ดีล่ะ?

เวลาเราตีความหมายจากไพ่ ให้เราลืมความหมายในตำราไปก่อน เพราะความหมายในตำรามันเป็นเพียงตัวอย่างการใช้ และประสบการณ์ของหมอดูที่เคยทำนายมาแล้วบังเอิญตรง ก็เลยเอามาเขียนไว้ ไม่ใช่กฎตายตัว เรามองภาพ ดูว่ามันสื่อสารอะไรบ้าง แล้วทวนคำถาม จับภาพมาเชื่อมโยงกับคำถามอย่างเป็นกลาง ไม่มีดี ไม่มีร้าย

บางคนบอกว่าตึกนี้คือ “บาเบล” ที่มนุษย์สร้างขึ้นในสมัยที่มนุษย์ยังคงพูดภาษาเดียวกันอยู่ เมื่อเข้าใจกันดีก็เลยรวมหัวกันสร้างหอคอยนี้ให้สูงเทียมสวรรค์เพื่อท้าทายอำนาจของพระเจ้า แล้วต่อมาพระเจ้าจึงลงโทษโดยใช้ฟ้าผ่าทำลายตึกแล้วมนุษย์ก็กระจัดกระจายออกไป พูดกันคนละภาษาเพื่อที่จะสื่อสารกันไม่รู้เรื่อง จึงไม่สามารถร่วมกันสร้างหอคอยที่สูงเทียมฟ้าได้อีกต่อไป…เป็นนิทานโบราณนะเด็กๆไม่ใช่ความจริง

เปลวไฟทางด้านซ้ายมี 12 ดวงหมายถึงจักรราศี ทางด้านซ้ายมี 10 ดวงหมายถึงนิ้วมือทั้งสิบ รวมกันเป็น 22 ดวงเป็นจำนวนไพ่ Major พอดี

ในด้านความหมายไพ่ มันไม่ได้หมายความเพียงแค่การทำลายล้าง แต่ยังหมายถึงการปลดปล่อยอีกด้วย คนทั้งสองที่ตกลงพื้นเอาหัวทิ่มลงก็เหมือนเด็กทารกที่คลอดออกมาโดยเอาหัวออกมาก่อน การเปลี่ยนแปลงย่อมมีสิ่งดีๆเกิดขึ้นเสมอ แม้จังหวะที่กำลังเปลี่ยนแปลงเราอาจจะยังไม่ชอบมันก็ตามที